[ChanBaek] Chaotic • Relation • Love (รีไรท์!!) - [ChanBaek] Chaotic • Relation • Love (รีไรท์!!) นิยาย [ChanBaek] Chaotic • Relation • Love (รีไรท์!!) : Dek-D.com - Writer

    [ChanBaek] Chaotic • Relation • Love (รีไรท์!!)

    คุณเคยเข้าใจผิดกับอะไรบ้างไหม ..และ...ทำให้ใคร..เข้าใจผิด เพราะความเข้าใจผิดของคุณเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    2,187

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    2.18K

    ความคิดเห็น


    16

    คนติดตาม


    33
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 พ.ย. 56 / 05:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ต่อหน้าแฟนคลับมันก็แค่งาน.... 



















     
         
    THE★FARRY
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Chaotic • Relation • Love
       








                           
       

















      คุณเคยเข้าใจผิดกับอะไรบ้างไหม

       

       

      เข้าใจผิดเพราะคิดเองว่าสิ่งที่เห็นเป็นอย่างที่คิดเสมอ 

       

       

      เข้าใจผิดเพราะไม่คิดเอ่ยถามในเรื่องที่สงสัย 

       

       

      ปล่อยปะละเลย..

       

       

      และ...ทำให้ใคร..เข้าใจผิด

       

       

      เพราะความเข้าใจผิดของคุณเอง

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      เสียงกรีดร้องของเหล่าแฟนๆดังลั่นสนามบินทันทีที่พวกเขาก้าวขาลงจากรถ คลื่นมหาชนของเหล่าบรรดาแฟนคลับไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชีวิตรอคอยพวกเขาอยู่เบื้องหน้า

       

       

      นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่จะต้องพบเจอกับเหล่าแฟนคลับมากมายขนาดนี้  แต่เพราะครั้งนี้พวกเขาทั้ง12คนอยู่กันพร้อมหน้าและกำลังจะเดินทางไปทำกิจกรรมร่วมกันในคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ของค่ายที่ญี่ปุ่น จึงทำให้เหล่าแฟนคลับมารวมตัวกันมากกว่าปกติจนแทบล้นออกมานอกอาคารของสนามบิน

       

       

      แพคฮยอนถอนหายใจเบาๆเมื่อมองเห็นคลื่นชนเบื้องหน้า ขาเล็กก้าวตามหัวหน้าวงฝั่งเอ็มอย่างหวาดๆ ในขณะที่พี่ผู้จัดการของวงเดินเคลียร์ทางนำหน้าอยู่ก่อนแล้ว การ์ดสนามบิน และสต๊าฟเองก็พยายามช่วยกันทำหน้าที่อย่างแข็งขัน  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจสู้พลังของฝูงชนมากมายที่ต่างพยายามเบียดเสียดเพื่อให้ได้เข้าใกล้ศิลปินที่ตัวเองรัก

       

       

      แรงเบียดของแฟนคลับทำให้แพคฮยอนเซไปตามแรงดันจนเผลอร้องออกมาเบาๆเพราะตกใจ แต่ก่อนที่เขาจะเสียการทรงตัวและอาจถึงขั้นเสียหลักล้มลง มือเรียวใหญ่จากด้านหลังก็คว้าจับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างไว้ได้ทัน

       

       

      "ระวังหน่อยนะคนเยอะ" 

       

       

      เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมออกแรงดันเบาๆให้คนตัวเล็กออกเดินอีกครั้ง  มือใหญ่ของคนเบื้องหลังเลื่อนลงมาจากไหล่บางแผ่วเบา  แขนทั้งสองข้างขยับแนบชิดกึ่งกอดกึ่งประคองที่คนตัวเล็กเอาไว้หลวมๆ

       

       

      ปกป้องเท่าที่จะทำได้...

       

       

      แรงเบียดของฝูงชนยังมีมาเรื่อยๆตลอดทางเดิน ทั้งผลักทั้งดันกันจนดูวุ่นวายไปหมด แต่ก็ถูกบั่นทอนลงไปบ้างเนื่องจากแขนยาวของคนด้านหลังที่โอบกอดแพคฮยอนเอาไว้..

       

       

      เหมือนใครคนนั้นกำลังพยายามปกป้องไม่ให้คนตัวเล็กต้องบาดเจ็บ.......

       

       

      ดีจังนะ..ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ดีสิ

       

       

       

       

       

       

      ใบหน้าของคนด้านหลังที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน มันทำให้เขาดูเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์.. คนคนนี้ คนที่กุมหัวใจพยอนแพคฮยอนไว้ทั้งดวง โดยที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ 

       

       

      สิ่งที่เจ้าของรอยยิ้มกำลังทำกับเขา มันก็แค่แฟนเซอร์วิส

       

       

      เป็นแค่การแสดงต่อหน้าแฟนๆเท่านั้น....

       

       

      ก็แค่...ทำในสิ่งที่แฟนๆอยากเห็น

       

       

       

       

       

       



                  กล้องทีวีรายการนึงกำลังถ่ายทำพวกเขาอยู่ตั้งแต่ก้าวย่างเข้ามาในสนามบินแห่งนี้  หลังจากหลุดจากบรรดาฝูงแฟนคลับมหาศาลมาได้ คนตัวสูงผละออกจากแพคฮยอน และเข้าไปทักทายกับกล้องทันทีอย่างรู้งาน

       

       

      ท่าทางที่ร่าเริง รอยยิ้มที่สดใจนั้นมันดูน่ารักในสายตาแพคฮยอนมากมายเหลือเกิน จนเขาเอง กล้าที่จะคิดอะไรที่ไม่สมควรคิด

       

       

       อยากจะเก็บไว้คนเดียว....ให้ฉันคนเดียวได้ไหม

       

       

      'ปาร์คชานยอล'

       

       

      แต่ก็ทำเพียงได้แค่คิด เพราะรอยยิ้มนั้นดวงตาคู่นั้นไม่ได้มีมาเพื่อแพคฮยอนตั้งแต่แรก  ชานยอลปลื้มใครทำไมเขาจะไม่รู้ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดซึ่งเขาเองก็รับรู้มาโดยตลอด 

       

       

      แค่ถูกจับคู่.. แค่เค้าใจดีกับทุกคน มันไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก 

       

       

       

       

       

      ต่อหน้าแฟนคลับ มันก็แค่งาน...

       

       

       

       

      "คู่ของพวกนายแฟนคลับชอบกันมากจริงๆนะ ตั้งใจทำให้ดี มันส่งผลต่อยอดขาย และงานของพวกนายด้วย เข้าใจใช่มั้ย!" 

       

       

      ประโยคบอกเล่ากึ่งคำสั่ง ออกจะหนักไปทางอย่างหลังซะมากกว่า ได้ถูกกำชับขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้  คนฟังได้แต่พยักหน้ารับอย่างนอบน้อมทุกครั้งไป

       

       

      เป็นได้แค่เพื่อนสนิท   พวกเขามันก็แค่คู่ที่ถูกจับ.. ไม่มีอะไรมากกว่านั้น..

       

       

      มีก็แค่หัวใจดวงเล็กๆของแพคฮยอนที่ไม่ยอมหยุดแค่คำว่าเพื่อน......... 

       

       

       

      ...................................................................

       

       

      ......................................

       

       

      .....................

       

       

      ..........

       

       

      ...

       

       



       

       

       

       

       

       

       

      คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นจบลงด้วยดีแล้ว กับการอยู่พร้อมหน้ากันทั้ง12คนอีกครั้ง.. มันช่างดูอบอุ่นเหลือเกินเมื่อพวกเราทั้งหมดได้มาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมเพียงอีกครั้ง หลังจากที่อีกยูนิตต้องแยกตัวไปโปรโมตที่ประเทศจีนอยู่นาน ตอนนี้ได้กับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว

       

       

      การทำงานร่วมกันทั้ง12คน ต่อจากนี้ไป อย่างนั้นเหรอ?

       

       

       การทำงานร่วมกันกับใครบางคน ที่แพคฮยอนอาจไม่ต้องการ ไม่ใช่รังเกียจเพียงแค่ไม่ต้องการ ..ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเห็น .. เจ็บเหลือเกินหัวใจดวงนี้

       

       



      "แพคฮยอนอา แพคฮยอน แพคฮยอน!!"

       

       

      เสียงทุ้มใหญ่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งต่อให้ไม่เห็นเจ้าของเสียงก็ยังจำได้ ต่อให้ดังมาจากที่ไกลแสนไกล หัวใจของแพคฮยอนก็ยังจดจำน้ำเสียงนั้นได้ดี.. 

       

       

      คนตัวเล็กค่อยๆลืมตาขึ้น ตาคู่สวยกระพริบติดๆกันสองสามทีเพื่อไล่ความมึนงง ก่อนส่งยิ้มบางเบาให้เจ้าของเสียงนั่น 

       

       

      "เป็นอะไรหรือเปล่ามานั่งหลับอยู่นี่ หน้าแพคฮยอนซีดจัง เป็นอะไรไหม ขอดูหน่อย" 

       

       

      คนตัวสูงว่าพลางยกมือขึ้นหมายจะแตะหน้าผากคนตัวเล็กกว่าอย่างเคยชิน แต่เจ้าตัวก็เอียงหัวหลบมือคนตรงหน้าก่อนสัมผัสถึงอย่างรวดเร็ว

       

       

      "เปล่านี่ ไม่ได้เป็นไรซะหน่อย แค่พักสายตาเฉยๆ"

       

       

      แพคฮยอนเอ่ยบอกชานยอลพลางขยับตัวลุกจากโซฟาในห้องแต่งตัวที่คนตัวเล็กแอบมานั่งอยู่เพียงลำพัง ในขณะที่สมาชิกคนอื่นๆพากันไปดูการแสดงของรุ่นพี่ร่วมค่ายอยู่ด้านข้างเวทีกันเสียหมด หลังจากที่เก็บข้าวของและเตรียมตัวจะกลับที่พักกันแล้ว

       

       

      "ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ ทุกคนรออยู่ใช่ไหม จะได้กลับไปพักผ่อนกัน" 

       

       

      ผละออกและก้าวไปฝั่งตรงข้ามทันทีที่พูดจบ แต่ก็ยังช้ากว่ามือหนาที่คว้าเอาข้อมือเของคนตัวเล็กไว้ได้ทัน ก่อนเปลี่ยนเป็นดึงรั้งให้อีกคนที่ทำท่าจะเดินหนีกันดื้อๆ ให้กลับมาเผชิญหน้าดังเดิม

       

       

      "นายนี่เด็กจริงๆ"

       

       

      ตาสวยที่ถูกฉาบด้วยอายไลน์เนอร์สีดำสนิทช้อนมองอย่างเอาเรื่อง แต่มันก็ไม่ได้จริงจังนัก ปากบางเชิดเล็กน้อยแบบที่ชอบทำ ก่อนตอบโต้ทันที

       

       

      รู้รึเปล่าว่ามันน่ารักในสายตาชานยอลแค่ไหน..

       

       

      "ฉันเด็กยังไง!" 

       

       

      เสียงหวานดังขึ้นเล็กน้อยอย่างเคืองๆ มันเป็นแค่อาการงอนของคนที่ชอบดื้อโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ว่าอาการแบบนี้มักเกิดขึ้นแค่กับเขา

       

       

      แพคฮยอนน่ารัก...

       

       

      "ก็เด็กน่ะ"

       

       

      พูดไปก็ใช้นิ้วเรียวใหญ่ของตัวเองเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากคนตัวเล็กออกอย่างเบามือ 

       

       

      "เวลาป่วยก็จะบอกว่าไม่เป็นไร" 

       

       

      ทั้งเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆจนหน้าผากทั้งคู่แนบสนิทกัน 

       

       

      "เพราะกลัว ว่าถ้าผู้ปกครองจะรู้  แล้วจะห้ามไม่ให้ไปเล่นซนไงล่ะ" 

       

       

      พูดจบก็สบตานิ่งฉายแววเอ็นดูอยู่อย่างนั้น แต่ไม่ยอมละหน้าผากที่แนบสนิทไว้นั้นออกมา เขาชอบมองหน้าคนตัวเล็ก ชอบ ยามที่ได้เห็นแพคฮยอนดื้อดึง ชอบทุกอย่างที่คนตัวเล็กเป็น

       

       

      "ฉะ..ฉันไม่เด็กซะหน่อย   แล้วนายก็ไม่ใช่ผู้ปกครองด้วย"

       

       

      มือเรียวพยายามผลักอกคนตัวสูงออกแต่ก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไร  แรงเพียงน้อยนิดของคนอ่อนแอไม่สามารถทำร่างสูงสะทกสะท้านได้เลย แต่เพราะเจ้าของร่างสูงยอมถอยออกไปเอง พลางหัวเราะท่าทีตลกๆของคนตัวเล็กที่ในตอนนี้ดูจะงอนจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว

       

      "ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันรอนี่นะ "

       

       

      ชานยอลยิ้มอย่างอารมณ์ดีตามแบบฉบับเจ้าตัว ก่อนทิ้งตัวลงอย่างสบายอารมณ์ที่โซฟาตัวเดิม เหมือนสิ่งที่กำลังทำอยู่นี่เป็นเรื่องปกติ ไม่มีผลต่อความรู้สึกของร่างสูงอยู่แล้ว..

       

       

      ผิดกับเขา...

       

       

      หัวใจที่เต้นแรงเกินไปอย่างไม่กลัวว่าเจ้าของจะอายเลย  แพคฮยอนได้แต่ยกมือเรียวขึ้นกุมหน้าอกตัวเองไว้ หลังบางพิงที่กั้นสำหรับเปลี่ยนชุดซึ่งอีกด้านมีร่างของคนที่เป็นเหตุผลของอาการที่เขากำลังเผชิญ รอคอยอยู่  แก้มใสของเขาขึ้นสีระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ ลอบยิ้มกับตัวเองเงียบๆเพียงลำพังโดยที่อีกคนไม่มีโอกาสรับรู้...  ดีใจ .. แต่ก็เจ็บปวด

       

       

      ทำไมนะ แพคฮยอน..ทั้งๆที่เค้าก็ใจดีอย่างนี้กับทุกคน ทั้งๆที่รู้ ทำไมยังทำไม่ได้ หยุดไม่ได้ หยุดความรู้สึกมากมายพวกนี้ไม่ได้เลย ..

       

       

       

       

      อย่าใจดีกับฉันนักเลยชานยอล มันทำให้ฉันเลิกรักนายไม่ได้..

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      เสียงโหวกเหวกจากห้องนั่งเล่นดังเป็นระยะ 

       

      ตาคู่สวยที่ไม่มีอายไลน์เนอร์แต่งแต้มเหมือนกับทุกทีที่ทำกิจกรรม ยังคงปิดสนิท.. แต่ไม่ว่าจะแบบไหน คนคนนี้ก็ดูน่ารักเสมอ ปากบางที่หากตื่นขึ้นมาก็คงส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่ยอมหยุดรับกับจมูกโด่งรั้นเข้ารูป ที่กำลังพรูลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนคนนี้ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เคยเบื่อเลยซักครั้ง ... ไม่เคยเลย

       

      เพียงแต่..............

       

       

       



                  "นี่จงอินหยิบอันนั้นมาให้หน่อย"

       

       

                  คนตัวเล็กสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูดูน่ารัก กำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างในครัวของหอพัก โดยมีลูกมือหน้าหล่อ คอยป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่าง แต่มองยังไงก็ดูจะช่วยยุ่งเสียมากกว่า 

       

       

      จงอินกระวีกระวาดหยิบซอสมะเขือเทสส่งให้คนตัวเล็ก ที่กำลังเทส่วนผสมหลายสิ่งลงในกระทะอย่างตั้งใจ คนผิวเข้มเอื้อมมือผ่านด้านหลังคยองซูแล้วส่งขวดซอสให้อีกทาง เหมือนกับว่ากำลังโอบเอวคนตัวเล็กไว้หลวมๆ  แถมคางมนของเจ้าตัวยังเกยบนไหล่คนน่ารักอย่างไม่อายใคร 

       

       

      "นี่ วันนี้จะได้กินมั้ยสปาเกตตี้น่ะ จู๋จี๋กันอยู่นั่นละ" 

       

       

      ลีดเดอร์ของวงที่นั่งดูทีวีบนโซฟาตัวใหญ่เอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้ายิ้มๆแกมหมั่นไส้เจ้าน้องเล็กผิวสีน้ำผึ้งที่ดูจะเนียนมือไม้อยู่ไม่เคยสุข ไม่ว่าสถานการณ์ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ตาม 

       

       

      คนที่ถูกเอ่ยพาดพิงไปด้วยเพราะกำลังง่วนกับการทำอาหารเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงของพี่ใหญ่  ตากลมๆนั่นดูโตขึ้นอีกนิดด้วยความสงสัย  แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาพลางก้มหน้าก้มตาทำอาหารต่อด้วยความตั้งใจ  ในขณะที่จงอินได้แต่ยิ้มแหยๆ ที่โดนพี่ใหญ่จับได้  แต่ก็ไม่ได้คิดจะออกห่างคนตัวเล็กแม้แต่นิด ยังช่วยวุ่นวายจับนู่นผสมนี่อย่างกระตือรือล้น

       

       

      "คร๊าบ!! บบ พี่เหรอ!! พี่ไปกินชานมกันเถอะ ผมกำลังจะออกจากหอไปรับนะ  ห๊ะ!! เพิ่งตื่นเหรอ งั้นผมไปรอพี่อาบน้ำก็ได้ หรือจะให้อาบให้ก็ได้นะ  อ๋า!! ไม่ต้องรีบหรอก รอก่อนนะเสี่ยวลู่" 

       

       

      "นี่ไม่คิดจะทักทายชาวบ้านชาวช่องหน่อยเหรอ"

       

       

      แพคฮยอนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เจ้ามักเน่ตัวแสบพาร่างอันขาวซีดผลุนผลันออกมาจากห้อง จนเกือบจะชนกับเขาซึ่งเพิ่งออกมาด้วยเหมือนกัน  

       

       

      "อ๊ะ!! อรุณสวัสดิ์ครับ พี่แพคฮยอน พี่จุนมยอน พี่คยองซู อ่อ แล้วก็  ไอ่เนียนกัมจ๊ง!!"

       

       

      ประโยคหลังเล่นเอาจงอินสะดุ้ง ปากขยับจะเถียงคนอายุเท่ากันแต่ไม่ทัน เพราะขายาวๆนั่นก้าวพ้นประตูหอไปแล้วแถมปิดให้เสร็จสรรพ ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตามลำพัง อีกมือก็หยิบแครอทที่เป็นส่วนนึงของการประกอบอาหารทำท่าจะเขวี้ยงตามหลังไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดที่สายตาดุๆของพ่อครัวสุดน่ารักที่เกิดขึ้นเพียงครู่เดียวจึงทำให้ต้องชะงัก

       

       

      ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ติ๋ม นี่ถ้าไม่กลัวคยองโกรธนะแกตาย  รายนี้โกรธแล้วง้อยากชิบ!

       

       

      เป็นเรื่องปกติที่แสนวุ่นวายในแต่ละวัน จุนมยอนได้แต่ส่ายหัวกับความแสบของเจ้าน้องเล็ก ก่อนจะหันมาหาอีกคนที่ดูจะไม่ได้สนใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่เท่าไรนัก

       

       

      "อ้าวแพคฮยอนตื่นแล้วเหรอ วันนี้หยุดพักวันนึง จะออกไปข้างนอกก็ได้นะ แต่ระวังตัวด้วยละกัน" 

       

       

      หัวหน้าวงที่หน้าตาแสนใจดีอยู่ตลอดเวลาเอ่ยกับคนที่ยืนหันรีหันขวางเหมือนกำลังหาใครซักคน และดูท่าว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาเพิ่งเอ่ยออกไปเลย

       

       

      "ชานยอลไปไหนเหรอครับ"

       

       

      พูดเบาๆคล้ายละเมอออกมาเสียมากกว่า กวาดสายตาไปทั่วห้องนั่งเล่นแต่ก็ไม่พบคนที่เขาถามหาเลย ขาเล็กทำท่าจะเดินไปดูที่ห้องน้ำแต่ก็ต้องชะงักลงเสียก่อน

       

       

      "ไม่อยู่หรอกคนที่หาน่ะ ไปหมกอยู่กับพี่คริสที่หอนู้นตั้งแต่ตื่นมาแล้ว" 

       

       

      แม้จะแทบไม่ได้ยินสิ่งที่แพคฮยอนเอ่ย แต่ด้วยท่าทางจงอินก็เดาไม่ยากว่าแพคฮยอนกำลังมองหาใคร ไอ้อาการแบบนั้นน่ะจงอินเดาได้แม่นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ไอ้พี่ชายตัวสูงก็อีกคน เวลาพี่ตัวเล็กไม่อยู่ก็อาการเดียวกันเด๊ะ ติดที่ว่าจะรู้ตัวกันหรือเปล่าก็เท่านั้น

       

       

      ถ้อยคำบอกเล่ายังไม่ทันจบประโยคดี แขนก็โดนตีดังป้าบด้วยฝีมือคนตัวเล็กข้างกาย

       

       

      "โอ้ย เจ็บนะคยองซูอา" 

       

       

      จงอินโวยวายเพราะเจ็บแสบไปทั้งแขน แต่พอเหลือบเห็นสายตาดุๆของคนตัวเล็กกว่าที่ส่งกลับมา ทำให้จงอินต้องเงียบเสียงลง 

       

       

      "แพคฮยอนอา วันนี้ฉันทำสปาเกตตี้นะ มากินกันเถอะ"

       

       

                  คยองซูเอ่ยเรียกคนที่กำลังเหม่อลอย แพคฮยอนไม่ตอบสนองอะไรได้เพียงแค่ยืนนิ่งๆอยู่กับที่ อยากออกไปหาชานยอลเหลือเกินตอนนี้ แต่ติดที่ว่าไม่มีเหตุผลที่จะไป จะให้พูดว่าอะไร คิดถึง หรืออยากเจอ ทั้งๆที่นอนห้องเดียวกันทั้งคืนน่ะเหรอ 

       

       

                  ถึงอยากบอกแค่ไหน อยากทำสิ่งที่ใจคิดเพียงใด แพคฮยอนก็ไม่สามารถทำมันได้ ..

       

       

                  แล้วหัวใจของเขามันผิดอะไร ถ้าอยากเห็นหน้าคนตัวสูงตลอดเวลายามตื่น อยากอยู่ข้างๆแม้ยามหลับใหล

       

       

      "ป่ะกินข้าวกัน"

       

       

      เป็นจุนมยอนที่เรียกสติคนเหม่อกลับมาอีกครั้ง แขนขาวๆนั้นยกขึ้นกอดคอน้องชายหน้าหวาน ออกแรงเบาๆให้เดินไปที่โต๊ะกินข้าวด้วยกัน 

       

       

      ไม่ใช่ไม่รู้หรอก มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ทุกครั้งที่ใครคนนั้นกลับมา พยอนแพคฮยอนก็จะถูกละเลยอยู่เสมอ

       

       

      ไม่ใช่ครั้งแรก ..แต่ก็ไม่เคยชิน

       

       

      หัวใจที่ไม่ชินสักที...

       

       

       



      "งั้นผมออกไปเดินเล่นแถวๆนี้นะครับ จะระวังตัว"

       

       

      ยิ้มให้กับพี่ใหญ่ก่อนขืนตัวลุกขึ้นหลังกินข้าวเสร็จ แต่อย่าเรียกว่ากินเลย เพราะคนตัวเล็กแทบจะไม่แตะอาหารแม้แต่น้อย... 

       

       

      จุกตื้อไปหมด ..เมื่อไหร่จะหายซะที แพคฮยอน นายมันแย่ 

       

       

       

       

       

       

      เรียวขาเล็กเดินเตร่มาเรื่อยๆอย่างไม่รู้จะไปที่ไหน  เขาแค่เดินตามทางเดินเบื้อหน้าทั้งที่ในหัวสมองไม่ได้จับจ้องอยู่กับมัน ในนั้นมีเพียงภาพของใครอีกคนลอยวนซ้ำไปซ้ำมาเพียงเท่านั้น

       

       

      แต่แล้วหัวใจดวงเล็กๆของแพคฮยอนถูกกระตุกจนวูบจากมือที่มองไม่เห็น ภาพที่เขาไม่อยากเห็นที่สุด  ภาพที่แทบพรากลมหายใจอันน้อยนิดไปจากเขา

       

       

      เจ็บ...

       



      รอยยิ้ม...และสายตาที่แพคฮยอนหวงแหน อยากเก็บเอาไว้แค่คนเดียว  ในตอนนี้มันกำลังใช้มองใครอีกคน  มองอยู่แค่คนนั้น รอยยิ้มร่าเริงที่เป็นแค่ของคนคนนั้น  ...ไม่ใช่ของแพคฮยอน 

       

       

      มันไม่ใช่ของเขาอยู่แล้วเขารู้ดี ... แต่ทำไม รู้ทั้งรู้ ยังเจ็บขนาดนี้

       

       

      สองคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน  ไม่รับรู้การมีตัวตนของเขาด้วยซ้ำ ชานยอลกระซิบอะไรบางอย่างที่ ทำให้คริสหัวเราะออกมา  ในขณะที่มือหนาของอีกคนก็ยกขึ้นลูบหัวคนอายุน้อยกว่าอย่างเอ็นดู 

       

       

       

       

      เจ็บ... ฮือ... เจ็บ.... ชานยอล ฉันเจ็บ... เสียงหัวใจร่ำร้อง เจ็บปวด...

       

       

       

      ขาเล็กค่อยๆถอยออกมาจากภาพเบื้องหน้า แต่แทบไม่มีแรงจะก้าวเดินต่อ  แพคฮยอนเลือกที่จะยืนพิงด้านหลังกำแพงของตัวตึก หลับตาลงช้าๆแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

       

       

      ไม่รู้นานเท่าไหร่..  ทั้งๆที่รู้ แต่ก็ยังไม่ตัดใจ ทั้งๆที่รู้ว่าเขามีใครก็ยังดึงดันที่จะรัก..

       


      พอได้แล้ว พยอนแพคฮยอน พร่ำบอกกับตัวเองไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ เขาต้องทำมันให้ได้ 

       

       

      เขาต้องทำมันเสียที  ..

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      "ผมอยากขอย้ายห้อง"

       

       

       

      แพคฮยอนเอ่ยขึ้นในวันหยุดวันหนึ่ง หลังจากที่ทุกคนร่วมรับประทานอาหารมื้อเที่ยงและบางคนก็แยกย้ายไปทำกิจกรรมส่วนตัวระหว่างวันที่ว่าง และบางคนก็เลือกที่จะนั่งๆนอนๆอยู่กับที่ดูรายการทีวีไร้สาระ ใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกัน

       

       

      แต่ดูเหมือนช่วงเวลาแสนสุขกำลังจะจบลงหลังจากที่คนตัวเล็กตัดสินใจเอ่ยสิ่งที่ต้องการออกมา  เจ้าของใบหน้าน่ารักถูกมองเป็นสายตาเดียวอย่างพร้อมเพรียง ทุกคนดูตกใจไม่น้อยกับถ้อยคำที่แพคฮยอนเอ่ยออกมา แม้กระทั่งเซฮุนที่คาบหลอดชานมไข่มุกอยู่ในปากถึงกับอ้าปากค้าง ปล่อยหลอดให้ร่วงลงที่พื้น จนลู่หานต้องหยิบมาเสียบไว้ที่แก้วชานมอย่างเดิม.. 

       

       

      "เดี๋ยวฉันกลับหอก่อนนะ ออกมาตั้งแต่เช้าแล้ว"

       

       

       ลู่หานว่าพลางลุกขึ้น บางทีเขาอาจต้องยื่นมือเข้าไปจัดการอะไรบางอย่าง  ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อาการของแพคฮยอน เพราะเขาก็สนิทกับน้องชายตัวเล็กในระดับหนึ่งและพอจะดูออกว่าคนตัวเล็กรู้สึกอย่างไร แต่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่คนตัวเล็กไม่คิดจะบอกให้เขารับรู้ เขาจึงไม่เคยคิดจะก้าวก่าย ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามทางของมัน

       

       

      "ผมไปส่งนะพี่"  ไม่ต้องรอให้บอกเซฮุนกระเด้งตัวตามไปทันที น้องเล็กตัวขาวจูงมือคนเป็นพี่ออกไปอย่างรวดเร็ว เขาสบตากับลู่หานเหมือนรู้ว่าพี่ชายหน้าหวานกำลังคิดอะไรอยู่

       

       

      "ทำไมล่ะ มีอะไรกับชานยอลหรือเปล่า"

       

       

      จุนมยอนเอ่ยถาม  แม้เขาจะรู้ว่าแพคฮยอนไม่ได้รู้สึกกับชานยอลเพียงแค่ที่เจ้าตัวอยากให้ทุกคนเห็น  น้องชายตัวเล็กแม้จะพยายามนิ่งเฉยปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองมาโดยตลอด มีเพียงแววตาที่ปิดพี่ชายเช่นจุนมยอนไม่ได้ไม่ได้ .. แม้แต่คยองซูเองก็ดูเพื่อนสนิทของเขาออก..  เพียงแต่ทุกคนก็ให้สิทธิความเป็นส่วนตัวกับแพคฮยอนเสมอ รวมไปถึงชานยอลเองด้วย

       

       

      "แต่ผมไม่เปลี่ยนกับพี่หรอกนะ "

       

       

      จงอินโพล่งขึ้นมาแล้วแกล้งซุกหน้าเข้ากับไหล่ของคยองซูอย่างออดอ้อน ใจจริงแล้วจงอินก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่แพคฮยอนร้องขอซักเท่าไหร่ และไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายความรู้สึกพี่ชายตัวเล็ก เพียงแต่เจ้าน้องชายผิวเข้มเลือกวิธีพูดดีดีไม่เป็นก็เท่านั้น ทำเอาคยองซูได้แต่ถอนใจ

       

       

      "ผม.."

       

       

      แพคฮยอนอึกอัก เพราะในใจคิดว่าทุกคนไม่มีใครล่วงรู้สิ่งที่เขาเป็น ..ความรู้สึกมากมายเอ่อล้นทุกวันที่เขาต้องเผชิญ ..คนตัวเล็กเลยไม่รู้ว่าจะอ้างเหตุผลข้อไหน

       

       

      "ฉันไม่ยอมให้ย้ายนะ!!"

       

       

       เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมเจ้าของร่างสูงที่ปรากฏตัว ขายาวๆก้าวมายืนเผชิญหน้ากับคนที่กำลังจะสร้างปัญหา หน้าตาของชานยอลดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

       

       

      "ทำไมแพคฮยอนจะต้องขอย้ายห้องด้วย" 

       

       

      มือใหญ่ยกบีบต้นแขนเรียวอย่างลืมตัว แรงกดรุนแรงจนเนื้อขาวๆเริ่มขึ้นสีช้ำ แต่คนกำลังโมโหก็ไม่ได้ใส่ใจ  เขารู้สึกสับสนไปหมดที่อยู่ดีๆแพคฮยอนก็จะมาขอย้ายห้อง เขารีบวิ่งกลับมาจากหออีกฝั่งหลังจากที่ลู่หานไปบอก ในใจร้อนรนจนแทบบ้า ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตัวเล็กตรงหน้านี้

       

       

      "เราเป็นคู่แฟนเซอร์วิสนะ ย้ายไม่ได้หรอก ฉันไม่ยอม!!" 

       

       

       


      แค่นั้นเองเหรอชานยอล แค่นั้นสินะ ..

       

       

      น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหล แพคฮยอนเลือกที่จะเงยหน้าขึ้นกลั้นมันเอาไว้ ปากบางเม้มแน่นเข้าหากันจนเจ็บร้าวไปหมด 

       

       

      เหนื่อยเหลือเกินแล้วชานยอล ฉันกำลังจะหมดแรงแล้ว...

       

       

      "แฟนคลับไม่รู้หรอกน่า ไม่มีใครมาติดกล้องไว้ในหอเราซักหน่อย"

       

       

      พูดติดตลกแต่ในใจกำลังร้าวพร้อมแตกเป็นเสี่ยงๆ  แค่นขำเหมือนไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น ส่งยิ้มเหมือนเคยให้คนตัวสูงที่จ้องหน้าเขานิ่งอยู่ในตอนนี้

       

       

      "งั้นพี่.."

       

       

      ไม่ทันที่จุนมยอนจะได้เอ่ยประโยคถัดมา ชานยอลก็ลากคนตัวเล็กเข้าห้องไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ตามมาด้วยเสียงประตูที่ถูกปิดลงดังลั่น

       

       

      "เฮ้ยพี่ !! ไม่ตามไปเหรอ พี่ชานยอลจะทำอะไรพี่แพคฮยอนไหมน่ะ"

       

       

      จงอินซึ่งตอนนี้ตาโตกว่าคยองซูหลายเท่าเอ่ยด้วยความตกอกตกใจ น้องชายผิวเข้มดูร้อนรนด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่พี่ใหญ่ได้แต่ถอนใจ 

       

       

      "บางทีอาจถึงเวลาที่สองคนนั่นต้องคุยกันนะครับ"

       

       

      คยองซูมองหน้าพี่ใหญ่เป็นเชิงขอความคิดเห็น จุนมยอนพยักรับหน้าช้าๆ  มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ

       

       

      "ถึงเวลาแล้วล่ะ มันถูกปล่อยมานานเกินไปแล้ว ความรู้สึกของของทั้งสองคนน่ะ" คยองซูยิ้มให้ผู้เป็นพี่ แล้วทำท่าจะออกลุกไปบ้าง จงอินมองคยองซูสลับกับจุนมยอน แล้วพึมพัม 

       

       

      "ก็ดีนะที่รู้ตัวกันชาตินี้น่ะ เฮ้อออ"  แต่พอเห็นคนน่ารักของตัวเองเดินลิ่วหนีเข้าห้องไปก็รีบเดินตามไปบ้าง  ปล่อยให้พี่ใหญ่มองตามประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่ตามลำพัง

       

       

      “หวังว่านายจะจัดการทุกอย่างได้เสียทีนะชานยอล”

       

       

       

       

       

       

       

       

      "ทำไมแพคฮยอนจะต้องขอย้ายห้องด้วยล่ะ แพคฮยอนโกรธอะไรฉันเหรอ ฉันทำอะไรให้แพคฮยอนไม่พอใจ บอกฉันสิ"

       

       

      คนตัวเล็กที่เงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่ ยังคงนั่งนิ่ง ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำไม่ยอมมองหน้าชานยอล มือเรียวบีบกันแน่นราวกับต้องการระบายความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมด

       

       

      "แพคฮยอนเจ็บไหม ฉันขอโทษนะ เมื่อกี้ เพราะฉันอยากคุยให้รู้เรื่อง" 

       

       

      คนตัวสูงว่าพลางจับข้อมือคนตัวเล็กขึ้นมาลูบอย่างทนุถนอม มือใหญ่แตะเบาๆตรงรอยแดงที่แขนแล้วใจหาย เขาอยากตบหน้าตัวเองแรงๆให้สมกับอาการขาดสติ

       

       

      "พอแล้วชานยอล พอเถอะ"

       

       

       

       

      ดึงมือของตัวเองออกมากุมไว้ดังเดิม  ปากบากสั่นระริก  เสียงสะอื้นที่พยายามเก็บกลืนจนแทบหายใจไม่ออก ดังประจานความอ่อนแอได้ดีนัก 

       

       

      "เลิกใจดีกับฉัน เลิกทำแบบนี้กับฉัน ไม่ต้องสนใจฉัน ไม่ต้องคอยดูแลฉันแล้ว ตรงนี้ไม่มีแฟนคลับ ไม่จำเป็นหรอก  ชานยอลไม่ต้องทำอะไรแล้ว" 

       

       

      น้ำใสๆพรั่งพรูออกจากดวงตาที่เต็มไปด้วยแววตัดพ้อ นี่เป็นครั้งแรกที่แพคฮยอนร้องให้ต่อหน้าชานยอล ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาไม่เคยมีซักครั้งที่คนตัวสูงจะได้เห็น 

       

       

      ชานยอลชะงักกับคำพูดของคนตัวเล็กตรงหน้า ดวงตากลมโตคู่นั้นฉายแววไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่แพคฮยอนพยายามจะบอก เขาไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของคนตัวเล็กคืออะไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่ชัดเจนไปเสียหมดคนตัวสูงจึงเลือกตีความเอาตามความรู้สึกน้อยใจของตัวเอง

       

       

      "อะไร? ทำไม.. แพคฮยอนเกลียดฉันเหรอ ทำไมไม่อยากให้ฉันดูแล ทำไมล่ะ เพราะอะไร  แพคฮยอนรังเกียจฉันเหรอ.."

       

       

      เสียงทุ้มสั่นไม่แพ้เสียงคนตัวเล็ก ดวงตาคู่นั้นที่เฝ้ามองแพคฮยอนฉายแววเจ็บปวดไม่แพ้กัน เพียงแต่ชานยอลไม่ได้ร้องไห้ออกมา มือหนากำเข้าหากันจนแน่น เขาเจ็บที่คิดว่าคนตัวเล็กไม่ต้องการ ไม่อยากอยู่ ไม่อยากใช้ลมหายใจร่วมกับเขาในห้องนี้อีกต่อไป

       

       

      คิดได้แค่ว่า แพคฮยอนรังเกียจ คิดได้แค่ว่าคนตัวเล็กไม่มีวันชอบคนไม่เอาไหนอย่างเขา ทั้งๆที่พยายามมาตลอด  ไปไม่ถึงเลยเหรอ ..ความรู้สึกที่ชานยอลมีต่อแพคฮยอน 

       

       

      "ฮึก..ก มันก็แค่หน้าที่ของชานยอลนี่ ไม่จำเป็นต้องทำตลอดเวลาหรอก ฮึก.. ฉัน.. ฮือ ออ.. ฉันรู้ตัวดี.. ฮือ ฉัน..."

       

       

      ความรู้สึกพรั่งพรูผ่านน้ำตาทุกสิ่งที่แพคฮยอนเก็บมาตลอดช่วงเวลาหลายต่อหลายเดือน พังทลายตรงนี้ แม้จะพูดออกมายังลำบาก..

       

      "หมายความว่ายังไง แพคฮยอนคิดว่าสิ่งที่ฉันทำ เพราะเราเป็นคู่เซอร์วิสแฟนๆกันเท่านั้นใช่มั้ย?" 

       

       

      "ฉัน.. " 

       

       

       

      "แพคฮยอนไม่เคยเปิดใจให้ฉันเลย ฉันพยายามอดทน แสดงออกให้เห็นทุกอย่าง แต่แพคฮยอนไม่เคยเห็นค่ามันเลยใช่ไหม!"

       

       

      ตกใจกับคำพูดของคนตรงหน้า หมายความว่าอะไร ชานยอลชอบเขางั้นเหรอ

       

       

      "ฉันคิดว่าถ้าพยายามมากกว่านี้ พยายามต่อไป ยังไงแพคฮยอนก็ต้องรับรู้ซักวัน ต้องเข้าใจฉัน ถึงมันจะช้าฉันก็จะอดทน ไม่อยากให้แพคฮยบอนต้องรู้สึกไม่ดีกับคนแย่ๆอย่างฉัน พยายามพัฒนาตัวเองทุกอย่างเพื่อให้สามารถยืนเคียงข้างแพคฮยอนได้อย่างไม่อาย...แต่แพคฮยอนกลับคิดว่าฉันเสแสร้งใส่แพคฮยอน.....

       


      แพคฮยอนใจร้ายมากนะ ใจร้ายมากเลย!"

       

       

       

       

      แววตาคนตัวสูง วูบไหว แพคฮยอนจ้องมองตากลมโตของเขาอย่างนิ่งงัน สิ่งที่อยากพูดถูกกลืนหายไปพร้อมกับเสียงสะอื้น คงเหลือแค่เพียงคราบน้ำตาบนแก้มใส

       

       

      "ชะ..ชาน ..ยอล"

       

       

      "ฉันจะไปหาพี่คริส!!"

       

       

      พูดจบก็ผลุนผลันออกไปทันที ทิ้งคนตัวเล็กค่อยๆทรุดกายบางลงกับพื้นห้อง แพคฮยอนร้องไห้อีกครั้ง จนตัวสั่น

       

       

      "ทำไม ทั้งๆที่นายก็มีพี่คริสอยู่ทั้งคน ทำไมยังทำแบบนี้ ฮือ .. .. ชานยอล .. ฮือ.."

       

       

      ตาคู่สวยกลอกไปมาอย่างสับสน ชานยอลชอบเขา ชานยอลเองก็รักเขา

       

       

      “ชานยอล ชานยอล”

       

       

        ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นและวิ่งออกจากห้องทันที วิ่ง วิ่ง และวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต 

       

       

       

      "ชานยอล ชานยอล" 

       

       

      ขาทั้งสองข้างพาคนตัวเล็กมาหยุดที่หน้าห้องพักของฝั่งเอ็ม มอเรียวไม่รีรอที่จะกดสัญญาณที่หน้าประตูบานใหญ่

       

      "แพคฮยอนเป็นอะไรไป"

       

       

      ใบหน้าหวานเลิกคิ้วสูง ตากลมโตเหมือนลูกกวางนั่นฉายแววตกใจ เพราะสภาพรุ่นน้องตรงหน้ามีแต่คราบน้ำตาบ่งบอกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไม่สิ..ตอนนี้ก็ยังไม่หยุดร้องเลยด้วยซ้ำ

       

       

      "ชานยอลอยู่.. "

       

       

       เสียงถูกกลืนหายเพราะแรงสะอื้น  แม้จะพูดออกมาเป็นคำยังลำบาก คนตัวเล็กพยายามกลั้นน้ำตาเท่าไหร่มันก็ไม่หยุดไหลเสียที

       

       

      "ชานยอล "

       

       

      "ชานยอลไม่ได้มาที่นี่นะ เกิดอะไรขึ้นแพคฮยอน บอกพี่สิ " 

       

       

      ลู่หานรู้สึกเป็นห่วง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากชานยอลกลับไปแล้ว ดีที่ว่าคนอื่นๆออกไปข้างนอกกันหมด ไม่อย่างนั้นคงได้แตกตื่นกันยกใหญ่แน่

       

       

      ไม่ทันที่ลู่หานจะได้ซักถามอะไรต่อ ร่างบางที่ดูจะไร้สติในตอนนี้ก็ออกวิ่งอย่างไร้จุดหมาย คนตัวเล็กวิ่งไปรอบๆบริเวณหอพักสะเปะสะปะ

       

       

      ชานยอลอยู่ไหน ชานยอล อย่าไป อย่าทิ้งฉัน อย่าเข้าใจผิดฉัน ฉันไม่ได้เกลียดชานยอลเลย ไม่เลย...

       

      ชานยอลอย่าเกลียดฉัน

       

       

       

       

       

      "ชะ..ชานยอล" 

       

       


      "ฮือ .. ฮือ ฮือ" 

       

       

       

       

      ร่างเล็กเปล่งเสียงร้องไห้อย่างไม่อายใคร ....

       

       

       

       

      .........................................

       

      ...........................

       

      ...............

       

      .......

       

      ..

       

       

       

       

       

       

       

      เพราะตารางงานที่แน่นขนัด ทำให้พวกเขาทั้ง12 ต้องเดินทางไปต่างประเทศอยู่ตลอด วันนี้ก็เช่นกัน แพคฮยอนยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ร่างเล็กพรูลมหายใจ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในสมองมีแค่ความคิดวกวนเกี่ยวกับคนคนเดียว  ถึงจะไม่ใช่การทะเลาะกันขั้นรุนแรง แต่ชานยอลก็ไม่เคยแสดงท่าทีโกรธขนาดนี้กับเขามาก่อน แม้กระทั่งเมื่อคืนหลังเกิดเรื่อง ชานยอลก็ไม่ได้กลับเข้ามา..

       

       

      ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา แม้ว่าคนที่เปิดเข้ามาจะตั้งใจไม่ให้เกิดเสียงแค่ไหน แพคฮยอนก็ได้ยินมันอยู่ดี  คนตัวเล็กหันไปตามเสียงก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคย ปากบางขยับจะเอื้อนเอ่ย แต่ก็ชะงักลงเพราะคนตัวสูงชิงพูดตัดหน้า 

       

       

      "สายแล้วนะ นายเสร็จหรือยัง รีบตามออกไปล่ะ" พูดจบก็คว้ากระเป๋าที่ตนเองเตรียมไว้ตั้งแต่วันก่อนออกไปทันที โดยมึคิดจะสนทนาต่อ

       

       

      "โอ้โห นี่ถ้าสูงกว่านี้อีกหน่อยผิวเข้มกว่านี้อีกนิด ผมคงคิดว่าจื่อเทาแอบเข้ามานอนที่หอเราแน่ๆ" 

       

       

      คนผิวสีเข้มที่สุดเอ่ยทักทายทันทีที่แพคฮยอนเดินพ้นประตูห้องนอนออกมา ดวงตาเรียวเหลือบมองจงอินเพียงแวบนึงก็หันไปมองรอบๆ ดูทุกคนจะเตรียมตัวกันเสร็จแล้วเหลือเพียงแค่เขาที่ออกมาจากห้องเป็นคนสุดท้าย

       

       

      "ทำไมเหรอ? " ตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ 

       

       

      "ก็ตาพี่ยังกับแพนด้า ทั้งบวมทั้งช้ำขนาดนั้น โอ้ย!! ทำไมต้องตีด้วยล่ะคยองซูอ่า" คนตัวเล็กตาโตไม่ตอบอะไร ทำเพียงแค่ส่งสายตาปราม ทำให้จงอินไม่กล้าพูดอะไรต่อ ถึงรู้ว่าเจ้าคนขี้แกล้งนั้นแค่แซวไปเรื่อยตามนิสัย แต่ในสถาณการณ์แบบนี้ก็ควรจะให้เงียบๆไปดีกว่า

       

       

      "ไปกันเถอะแพคฮยอนอา สายแล้วนะ พี่ซึงจะงาบหัวพวกเราอยู่แล้ว"

       

       

      คยองซูเอ่ยขึ้นขำๆ หวังว่าจะให้เพื่อนหน้าหวานที่ตอนนี้หน้าซีดเหลือเกิน อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แพคฮยอนจึงส่งยิ้มบางๆให้เพื่อนรัก

       

       

      แม้หัวใจของแพคฮยอนไม่อยากยิ้มเลยซักนิด ...

       

       

       

       

       

      แพคฮยอนส่งยิ้มให้แฟนคลับ พร้อมโค้งเล็กๆไปตลอดทางเดินสนามบิน เท้าเล็กก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อนนัก สายตาจากแฟนคลับรอบๆตัวก่อความสงสัยจนเจ้าตัวรู้สึกได้ 

       

       

      ใช่สิ มันแปลกไป .. ชานยอลไม่ได้มาเดินกับเขา 

       

       

      คนตัวสูงเดินนำลิ่วไปกับลีดเดอร์ของวง โดยไม่รอเขาเหมือนทุกที

       

       

      เกลียดกันแล้วสินะชานยอล ฉันมันงี่เง่า..

       

       

      ขอบตาร้อนผ่าว แต่ก็ยังกลั้นไว้ได้อยู่ อยากไปให้พ้นจากตรงนี้ ..

       

       

       



      "พักห้องละ2คนเหรอครับ"

       

       

      เป็นแพคฮยอนที่เอ่ยขึ้นหลังจากเดินพ้นล๊อบบี้โรงแรมชั้นล่างขึ้นมาที่ชั้นสองซึ่งเป็นส่วนตัวกว่า คิ้วเรียวขมวดยุ่งแสดงสีหน้าอึดอัดใจอย่างปิดไม่มิด

       

       

      "ใช่ไงก็เหมือนเดิม นายก็นอนกับชานยอลไงหมาน้อย" 

       

       

      ผู้จัดการของวงเอ่ยขึ้นพร้อมหยิกแก้มแพคฮยอนอย่างเอ็นดู มือใหญ่ยกขึ้นโยกหัวคนที่ทำหน้ามู่ทู่ก่อนยื่นคีย์การ์ดห้องให้เหล่าสมาชิกที่เหลือ

       

       

      "ผมนอนห้องเดียวกับจื่อเทาได้มั้ยครับ"

       

       

      "ไม่ได้หรอก จะให้ชานยอลนอนคนเดียวหรือไง แล้ว ฉันก็นอนกับเทาอยู่แล้ว" 

       

       

      คริสเอ่ยขึ้นบ้างเมื่อเห็นอาการงอแงของคนตัวเล็ก เขารับรู้ปัญหาระหว่างชานยอลและแพคฮยอนมาตลอด เพราะเจ้าน้องชายร่างสูงมักจะมาถามโน่นถามนี่ปรึกษาให้ช่วยเหลือตลอด แล้วอยู่ดีๆกลายเป็นว่าเด็กทั้งคู่นี่ดันทะเลาะกันซะอย่างนั้น ทำเอาที่ปรึกษาปัญหาเช่นเขารู้สึกแย่ไปเหมือนกัน 

       

       

      "งั้นพี่คริสก็มานอนกับผมก็ได้"

       

       

      ชานยอลเอ่ยด้วยสุ้มเสียงที่ติดจะหงุดหงิด ตาคมเหลือบมองไปยังคนตัวเล็กอย่างตัดพ้อ แต่แพคฮยอนกลับเอาแต่ก้มหน้า

       

       

      "โอ้ย พี่จะสลับกันให้วุ่นวายทำไม ก็เดิมๆนั่นแหละ ดูเซฮุนมันดิไม่เห็นจะงอแงเลย"

       

       

      จงอินโวยวาย หน้าตาบ่งบอกถึงความง่วงสุดขีดแทบจะหลับกลางอากาศเสียให้ได้ คนผิวเข้มเดินมาดึงคีย์การ์ดจากมือของพี่ผู้จัดการแล้วจับยัดใส่มือคนตัวเล็ก ก่อนจะเดินมึนๆไปยังทิศทางของห้องพักตนเองโดยที่ไม่ลืมลากพี่ชายตาโตไปด้วย

       

       

      ร่างเล็กยกกระเป๋าเดินตามคนตัวสูงไปอย่างช้าๆ ไม่ใช่ว่ากระเป๋าหนักแต่เพราะเมื่อคืนเข้าเองแทบจะไม่ได้นอน ร่างกายตอนนี้แทบจะไม่มีแรง..และเหมือนจะวูบไปเสียให้ได้

       

       

      "ไหวหรือเปล่า ฉันยกเอง" 

       

       

      "มะ..ไม่...ต้อง หรอก"

       

       

      ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยคัดค้าน คนตัวสูงก็ยกกระเป๋าพร้อมทั้งดึงคีย์การ์ดในมือเรียวเดินลิ่วเข้าห้องไปเสียแล้ว ทำให้แพคฮยอนตจ้องจำใจเดินตามเข้าไปอย่างช้าๆ

       

       

      ขาเล็กค่อยๆเดินมาหยุดที่เตียงฝั่งตนเองที่คนตัวโตมาวางกระเป๋าไว้ให้ก่อนหน้า ก่อนทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของอีกคนจับจ้องมองการกระทำอยู่ตลอดเวลา

       

       

      "ชานยอลฉัน..."

       

       

      เสียงถูกกลืนหายไปอีกครั้ง มือเรียวถูกบีบเข้าหากันโดยที่เจ้าตัวก้มมองมันอยู่อย่างนั้น ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่กำลังสนทนาด้วยแม้แต่น้อย

       

       

      "ฉันไม่ได้เกลียดชานยอล ..ฉันแค่ไม่รู้จะทำยังไงถึงต้องตัดปัญหาด้วยวิธีนี้ ฮึก.. เพราะหัวใจของฉันมันไม่รักดี มันไม่อยากเป็นเพื่อนกับชานยอลอีกต่อไปแล้ว ฮืออออ..ออ ฉัน..ฉัน.."

       

       

      "ฉันรักแพคฮยอนนะ" 

       

       

      ใบหน้าเล็กเงยมองคนพูดแทรกอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ชานยอลก้าวมายืนตรงหน้า มือหนารั้งเอาร่างของแพคฮยอนให้ลุกขึ้น และยืนเผชิญหน้ากับเขา

       

      "รัก ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ฉันพยายามและอดทนมาตลอด ที่จะไม่ผลีผลามเผยความรู้สึก ฉันกลัวแพคฮยอนจะเกลียดฉัน ฉันดีใจมากแค่ไหนรู้มั้ย..ที่เราได้มาเป็นรูมเมทกัน"

       

       

      น้ำตายังคงไหลลงจากตาคู่สวยของแพคฮยอน เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงด้วยแววตาสงสัย 

       

       

      "แต่ชานยอล ชอบพี่คริส ชานยอลมีพี่คริสแล้ว"

       

       

       ขยับปากบางตัดพ้อคนตัวโตก่อนหันหน้าหนีด้วยความน้อยใจ

       

       

      "เด็กโง่ ฉันจะชอบพี่คริสได้ยังไง นั่นพี่ชายฉันนะ เราสนิทกัน กินนอนด้วยกันมาตั้งแต่ฉันเข้ามาเป็นเด็กฝึกแล้ว แล้วเรื่องที่ต้องคุยกับพี่คริสน่ะ มันก็มีแค่ทำยังไง ..ให้แพคฮยอนมองฉันมากกว่าเพื่อนได้ซักทีต่างหาก"

       

       

      ใบหน้าสวยของแพคฮยอนหันกลับมามองชานยอลอีกครั้ง ดวงตาเรียวสบนิ่งเข้ากับตากลมโตของคนตัวสูง ความชัดเจนและมั่นคงในตาคู่นยั้นทำเอาแพคฮยอนร้องไห้ออกมาอีก ชานยอลไม่ได้โกหกเขา

       

       

      "จริงเหรอ ชานยอลไม่ได้โกหก แกล้งให้ฉันดีใจใช่มั้ย?"

       

       

      ถึงจะเชื่อตั้งแต่ประโยคแรกที่คนตัวโตพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่ตาจริงจัง แต่ก็อดถามออกไปไม่ได้ อยากได้ความมั่นใจจากปากเจ้าตัว

       

       

      "เฮ้อ หลักสูตร เผด็จศึกท่านอู๋อี้ฟานไม่เห็นจะได้เรื่อง แถมตัวเล็กของฉันยังมางอนอีกแน่ะ"

       

       

      คนตัวสูงพูดพร้อมกับยิ้มล้อเลียน มือหนาขยี้หัวแพคฮยอนอย่างเอ็นดู ทำให้แพคฮยอนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆแต่ก็ถูกมือใหญ่รวบเอาไว้เสียก่อน ชานยอลค่อยๆเช็ดน้ำตาให้แพคฮยอนอย่างอ่อนโยน

       

       

      "เผด็จศึกบ้าอะไร"

       

       

      ถึงอย่างนั้นก็เขินจนแก้มใสขึ้นสีระเรื่อ...

       

       

      ใบหน้าหล่อค่อยๆโน้มลงหอมแก้มคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา ฝังจมูกลงเก็บเกี่ยวเอาความหอมข้างแก้มนั้นเนิ่นนาน  แล้วค่อยๆถอนออกก่อนริมฝีปากหนาได้รูปนั้นจะค่อยๆสัมผัสริมฝีปากบางที่ชานยอลเองก็ไฝ่ฝันอยากจะครอบครองมาตลอด แพคฮยอนเองก็ตอบรับสัมผัสที่ตัวเองโหยหามาตลอดเช่นกัน 

       

       

       

       

      จะต้องเจ็บปวดกับความเข้าใจผิดของตัวเองไปอีกนานเท่าไหร่กัน..หากวันนี้ไม่ยอมเปิดใจ ไม่ว่าทั้งเขาและชานยอลเอง อาจต้องเสียคนที่ตัวเองรักอย่างสุดหัวใจไปเพราะความคิดข้างเดียว ทั้งๆที่ก็มีหัวใจที่พร้อมจะกลายมาเป็นดวงเดียวกัน มีไว้เพื่อกันและกัน

       

       

      "รู้มั้ยว่า พี่คริสน่ะ เก็บค่าปรึกษาปัญหารักฉันทุกทีเลยด้วยนะ"

       

       

       

       

       

       


      "งั้นฉันขอคืนจากแพคฮยอนแบบทบต้นทบดอกเลยนะ"




       



       

      “หา??!!!




       

       

       

      -END-







      คุยซักนิด: เป็นฟิคเรื่องแรกในชีวิตติ่ง ในที่สุดมันก็คลอดออกมา มันเป็นฟิคแก้บน ไม่รู้จะกล่าวอะไรดี

                   แต่ฟิคเรื่องแรกดีใจจัง ปรบมือแปะแปะ ของคุณสำหรับคอมเม้นท์สวยๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่าาา
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×